วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ที่มาของเพลงบูมคณะครุศาสตร์ NSRU By คุณครูคนเบื้องหลัง


ที่มาของเพลงบูมคณะครุศาสตร์ NSRU
By คุณครูคนเบื้องหลัง


22 June 2013 at 22:38


บางคนอาจจะเคยคิด เคยสงสัยว่าใครเป็นคนแต่งบูมคณะของเรา

ซึ่ง 5 ปีที่เรียนอยู่ในคณะนี้พวกเราต้องช่วยกันบูมเป็นร้อย ๆ ครั้ง เพื่อแสดงสปิริตของชาวครุศาสตร์ ราชภัฏนครสวรรค์




วันนี้แอดมินในฐานะของน้องบูม รุ่น 1 ได้ไปซักถามเก็บข้อมูล และเป็นผู้เล่าเรื่องราวที่มาที่ไป ของบูมคณะ ให้พวกเราฟัง


           ?…. คือสมัยก่อนตอนที่คณะยังไม่มีบูมคณะ [สมัยนั้นมีแค่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะเดียวที่มีบูม เป็นเนื้อร้องแบบสั้น ๆ ว่า “คนละพ่อ คนละแม่ แต่ก็มารวมกัน คนละชนคนละชั้น แต่สถาบันเดียว คนละซีกคนละเสี้ยว แต่หัวใจกลมเกลียว .. ประมาณนี้] ๆ เวลาเรารับน้อง ไปร่วมงานกับคณะอื่น ๆ เราก็ไม่มีบูมของตัวเอง แต่คณะอื่นเค้าบูมกันตูมตาม ๆ

         ในตอนนั้น [ปีการศึกษา 2553 ] สโมสรนักศึกษาคณะครุศาสตร์ ภาคปกติ ในสมัยนั้น โดยพี่เบิร์ด นายสมชาย ดัดประดิษฐ์ และทีมงาน เห็นว่า บูม มันเป็นสิ่งที่แต่ละคณะเขามีกัน เราเองก็ต้องมีบ้าง ฉะนั้นก็มีการคิดบูมขึ้น เพื่อที่จะช่วยให้พวกคณะครุฯเรา ไปอยู่ตรงไหนจะได้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

       ได้คิดเนื้อเพลงบูมขึ้นมา การคิดบูมนี้ได้รับอิทธิพลจากหลาย ๆ ด้าน เพื่อนฝูงบ้าง บูมต่าง ๆ บ้าง ก็เอามาผสมกันจนออกมาเป็นบูมคณะ หลัก ๆ ถอดแบบจากบูมหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ขึ้นมาเป็นบูมที่มีลักษณะเฉพาะของเราเอง

        ที่คิดขึ้นมาก็คิดกันไม่นานหรอก ใช้เวลาไม่มาก คือปรับอะไรหน่อยแล้วก็เขียนขึ้นมา ลองให้น้อง ๆ เขาร้องบูมกันดู รู้สึกว่าไปได้ ก็เลยใช้อย่างนั้นมาตลอด

      งานแรกที่เปิดฉากบูมคณะ ก็คือ ให้น้องใหม่คณะครุศาสตร์ รหัส 53 [รุ่นของแอดมินเอง] ซักซ้อมเพื่อแสดงโชว์ในงานกีฬาภายในระหว่างคณะ ซึ่งพอถึงวันที่แสดง พอแสดงเสร็จได้รับเสียงปรบมืออื้ออึ่งไปทั้วทั้งสนามกีฬา J

      ก็เลยกลายเป็นประเพณีไปว่า กีฬาภายในระหว่างคณะทุกครั้ง จะต้องมีการโชว์บูมคณะ เพื่อแสดงสปรีตและความสามัคคีของคนในรุ่นนั้น ๆ




มาพูดถึงส่วนวิธีการบูมกันเนอะ



เราใช้วิธีการ….เรียกว่า บูมเลือด บูมซีด บูมเฮ
บูมจะมีเนื้อร้องสองเพลง เพลงแรกแรกว่า บูมเลือด เพลงที่สอง คือเพลงบูมอีดียู

บูมเลือด จะเริ่มโดยการที่พี่บูม [คนถือธงและคนสั่ง] จะสั่งว่า บูมครุศาสตร์ พร้อม 3 4 จากนั้น พี่บูมก็จะสั่งเลือด 2 รอบ ในแต่ละรอบน้องก็จะต้องส่งเสียงซิ๊ด กันออกมา ประมาณว่าเรียกกำลัง

พอพ้นสองรอบนี้ พี่บูมก็จะสั่ง เลือดพร้อม 3 4
ในเพลงนี้จะมีสองช่วง คือ ช่วงซิ๊ด และช่วงเฮ

ช่วงซี๊ดก็คือ มีเนื้อร้อง แต่ช่วงลงท้ายให้ส่งเสียงซีด [ประมาณว่าหิวเลือด คนที่ได้ยินเสียงนี้จะขนลุกซู่เลยทีเดียว ...]

ช่วงเฮ จะต่างจากช่วงซี้ด คือ เปลี่ยนจากคำว่าซี๊ด เป็นคำว่าเฮ ..


สำหรับเนื้อร้องในเพลงแรกแปลความได้ประมาณว่า เลือดครุศาสตร์ ครุศาสตร์ ที่ราชภัฏ ใคร ใครที่ร่มพระยอม ใคร คุณเป็นคนของใคร J

พอจบเพลงแรกพี่บูมก็จะสั่งเพลงที่สอง ก็คือ บูมอีดียู เป็นบูมที่มีความเร็วสูงมาก และใช้แรงมากด้วย จะช่วงเรียกความพร้อม และช่วงสะกดชื่อคณะ และจะจบลงด้วย คำว่า บูม ด้วยเสียงกระชากดัง ๆ

เพลงบูม จะร้องไปตามยุคสมัย บางยุคซีดสั้น บางยุคซีดยาว ตามสปรีตของน้อบูมในแต่ละรุ่น

บางคนสงสัยว่า คิดกันตอนที่คนคิดเพลง กำลังปวดฉี่อะไรอย่างนี้หรือเปล่า อันนี้ปฎิเสธเลยว่าไม่ใช่ คิดกันไปเอง แต่จริง ๆ แล้วที่คิดกันเป็นเพียงการระบายคล้าย ๆ ว่าพอเราเค้นเสียง Seed ยาว ๆ แล้ว ก็เป็นการผ่อนคลายออกมา ไม่มีอะไรมาก ก็แค่นั้นเอง….?







เนื้อร้อง J

(พี่บูมสั่ง) เลือด ... (น้องบูม) Seed d d d

(พี่บูมสั่ง) เลือด ... (น้องบูม) Seed d d d

(พี่บูม) เลือดพร้อม .. 3 .. 4

เลือด ... Seed d d d d d d d

เลือด ... Seed d d d d d d d

เลือดครุศาสตร์ๆ ... Seed d d d

ครุศาสตร์ ... Seed d d d

ครุศาสตร์ ... Seed d d d

ครุศาสตร์ที่ราชภัฏ .. Seed d d d

Why … Seed d d d

Why … Seed d d d

ใครที่ร่มพะยอม ... Seed d d d

Why … Seed d d d

Why … Seed d d d

คุณเป็นคนของใคร

(หญิง) เลือด (ชาย) เฮ

(หญิง) เลือด (ชาย) เฮ

(หญิง) เลือดครุศาสตร์ๆ (ชาย) เฮ

(หญิง) ครุศาสตร์ (ชาย) เฮ

(หญิง) ครุศาสตร์ (ชาย) เฮ

(หญิง) ครุศาสตร์ที่ราชภัฏ (ชาย) เฮ

(หญิง) Why (ชาย) เฮ

(หญิง) Why (ชาย) เฮ

(หญิง) ใครที่ร่มพะยอม (ชาย) เฮ

(หญิง) Why (ชาย) เฮ

(หญิง) Why (ชาย) เฮ

(หญิง) คุณเป็นคนของใคร

(พี่บูมสั่ง) BoomEDU พร้อม 3 ... 4

(น้องบูม) วิ๊ด ด ดด ด ด ... บูม

(หญิง) NS (ชาย) RU

(หญิง) I am Fine (ชาย) You are Fine

(น้องบูม) WE ARE Fine

..E E EDU C C CAT I I ION EDU CAT ION

EDUCAT . .. . . BOOM ..^^







ประโยชน์และทำไมถึงต้องบูม


ประเพณีการบูม ประเพณีที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เอกลักษณ์การบูมของแต่ละสถาบันมีความแตกต่างกัน ถูกพัฒนาสอดแทรกกระบวนการให้มีความสนุก แต่ในความสนุกของการบูม ได้กระตุ้นให้เกิดความรักในสถาบันการศึกษาที่ได้ความรู้และประสบการณ์ชีวิตของตัวนักศึกษา เป็นการสร้างความประทับใจและผูกพันระหว่างพี่น้องตราบนานเท่านาน เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ถ้าเป็นไปได้อยากให้เป็นการบูมเพื่อแสดงไมตรีจิต มิตรภาพ ความยินดีที่พร้อมจะมอบให้กับพี่บัณฑิต หรืองานความสำเร็จต่าง ๆ ที่อุตส่าห์ฟันฝ่าอุปสรรคมาจนถึงวันนี้ได้


"บูม" ที่เป็นความภูมิใจ และศักดิ์ศรีอย่างมาก และเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง ในการรวมกันเป็นหนึ่งของเหล่ารุ่นพี่ ที่อยากเหล่าเฟรชชี่สืบทอดความเป็นหนึ่งเดียวกันไว้ และความรักในสถาบันของเรา


กลอนบูมคณะครุศาสตร์ [กลอนเลือดครุศาสตร์ รุ่น 1]





แสงสุรีย์ที่สาดส่องทั่วท้องฟ้า

แผ่แสงญาอานุภาพมหาศาล

พระพายโบกโยกพลิ้วไหวไปตามกาล

พิรุณพาลโหมกระหน่ำตามฤดู




นักศึกษาครุศาสตร์นั้นมาดมั่น

ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางอยู่

"เลือดสีแดง" แห่งความเป็นคุณครู

น่ายกย่องเชิดชู ครูของไทย









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น